กองทัพอากาศ ประกอบพิธีเนื่องในวันที่ระลึกคล้ายวันทิวงคต จอมพล สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนารถ กรมหลวงพิศณุโลกประชานารถ “พระบิดาแห่งกองทัพอากาศไทย”


วันนี้ (วันจันทร์ที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๖๕) พลอากาศเอก นภาเดช ธูปะเตมีย์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ พร้อมด้วย  คุณปัญญดาว  ธูปะเตมีย์ นายกสมาคมแม่บ้านทหารอากาศ เป็นประธานในพิธี เนื่องในวันที่ระลึกคล้ายวันทิวงคต จอมพล สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนารถ กรมหลวงพิศณุโลกประชานารถ พระบิดาแห่งกองทัพอากาศไทย ณ กองบัญชาการกองทัพอากาศ โดยมี คุณ ภูษณิศา อุทยานวุฒิกุล ผู้แทนราชสกุลจักรพงษ์ สมาคมแม่บ้านทหารอากาศ และนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ร่วมในพิธี ในวาระอันสำคัญยิ่งนี้ กองทัพอากาศจึงได้จัดพิธีฯ ประกอบด้วย

- พิธีวางพวงมาลาถวายสักการะพระอนุสาวรีย์ จอมพล สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนารถ  กรมหลวงพิศณุโลกประชานารถ พระบิดาแห่งกองทัพอากาศไทย ณ กองบัญชาการกองทัพอากาศ

- พิธีบำเพ็ญกุศลทักษิณานุประทาน ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม

พระประวัติ จอมพล สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนารถ กรมหลวงพิศณุโลกประชานารถ “พระบิดาแห่งกองทัพอากาศไทย”

จอมพล สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนารถ กรมหลวงพิศณุโลกประชานารถ เป็นพระราชโอรสลำดับที่ ๔๐ ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ และลำดับที่ ๔ ในสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงประสูติในพระบรมมหาราชวัง เมื่อวันที่ ๓ มีนาคม พุทธศักราช ๒๔๒๖ (ตามปฏิทินสากล) เมื่อมีพระชนมายุได้ ๑๔ พรรษา ได้เสด็จไปทรงศึกษาในประเทศอังกฤษ จากนั้นทรงเข้าศึกษาวิชาการทหารที่โรงเรียนนายร้อยมหาดเล็ก Corps de Pages  ประเทศรัสเซีย พระองค์ทรงสอบไล่ได้ที่หนึ่ง และทรงทำคะแนนได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ของโรงเรียน 

เมื่อทรงสำเร็จการศึกษา ได้เสด็จกลับมาเยี่ยมประเทศไทยอีกครั้งในปี พุทธศักราช ๒๔๔๖ พร้อมกันนั้นพระองค์ได้รับพระราชทานเลื่อนยศเป็นนายร้อยเอก และในปีเดียวกันนั้นเองก็ได้เสด็จกลับเพื่อการศึกษาชั้นสูงต่อไป โดยเข้าประจำโรงเรียนนายทหารฝ่ายเสนาธิการเป็นเวลา ๒ ปี ปรากฏว่าพระองค์ฯ ทรงสอบได้เป็นที่ ๑ อีกครั้ง และพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ ๒ ทรงพอพระทัยยิ่ง ได้ทรงแต่งตั้งให้เป็น นายพันเอกพิเศษในกองทัพบกรัสเซียและเป็นนายทหารพิเศษในกรมทหารม้าฮุสซาร์ของสมเด็จพระจักรพรรดิ อีกทั้งยังพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์เซนต์อันเดรย์ ชั้นสายสะพาย ซึ่งเป็นตราสูงสุดของประเทศรัสเซียสมัยนั้น รวมทั้งตราเซนต์วลาดิเมียร์อีกด้วย

ด้วยพระปรีชาและความโดดเด่นด้านการทหารของพระองค์นั้น เมื่อเสด็จกลับประเทศไทย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ทรงดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการกรมยุทธนาธิการ ยศนายพันเอก และได้ทรงเริ่มจัดการงานต่าง ๆ ให้เป็นระเบียบเรียบร้อยเช่นเดียวกับอารยประเทศ ทั้งยังทรงจัดระเบียบการศึกษาด้านการทหาร อาทิ ทรงจัดระเบียบแบบแผนโรงเรียนนายร้อยขึ้นใหม่ โดยให้มีนักเรียนนายร้อยชั้นปฐม และนักเรียนนายร้อยชั้นมัธยม ทรงวางแนวทางหลักสูตรการศึกษาโรงเรียนเสนาธิการและการคัดเลือกนายทหารที่มีคุณสมบัติอันเหมาะสมเข้ารับการศึกษา ถือได้ว่าพระองค์เป็นผู้นำความก้าวหน้ามาสู่กิจการทหารก็ว่าได้ 

ในขณะที่ทรงดำรงตำแหน่งเสนาธิการทหารบก ทรงเห็นถึงความจำเป็นที่ประเทศไทยจะต้องจัดหาอากาศยานไว้ป้องกันประเทศ จึงทรงดำริจัดตั้งกิจการการบินขึ้นเป็นแผนกหนึ่งของกองทัพบก ทรงจัดให้มีการคัดเลือกนายทหาร ๓ นาย ไปศึกษาวิชาการบิน ณ ประเทศฝรั่งเศส คือ นายพันตรี หลวงศักดิ์ศัลยาวุธ (สุณี  สุวรรณประทีป) นายร้อยเอก หลวงอาวุธสิขิกร (หลง  สินศุข) และ นายร้อยโท ทิพย์  เกตุทัต จากนั้นกระทรวงกลาโหมได้สั่งซื้อเครื่องบินจากประเทศฝรั่งเศสมาด้วย จำนวน ๘ เครื่อง จัดตั้งเป็นแผนกการบินที่สนามราชกรีฑาสโมสร (สนามม้าสระปทุม) 

ต่อมา ทรงย้ายที่ตั้งแผนกการบินมาที่ตำบลดอนเมือง ตั้งแต่วันที่ ๑ มีนาคม พุทธศักราช ๒๔๕๗ และทรงยกฐานะแผนกการบิน เป็นกองบินทหารบก ในวันที่ ๒๗ มีนาคม พุทธศักราช ๒๔๕๗ หลังจากสงครามโลกครั้งที่ ๑ พระองค์ทรงทำนุบำรุงส่งเสริมกิจการบิน ทั้งในกิจการทหารและกิจการพลเรือน ในปีพุทธศักราช ๒๔๖๒ จึงมีการทดลองการคมนาคมทางอากาศเป็นครั้งแรก โดยนำเครื่องบินสปัด ๒ เครื่อง บรรทุกถุงไปรษณีย์ เครื่องละ ๑ ถุง จากดอนเมืองไปส่งที่จังหวัดจันทบุรี ผลของการบินเดินทางไปครั้งนั้น นับว่าได้ผลสำเร็จดีทุกประการ จอมพล สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนารถ กรมหลวงพิศณุโลกประชานารถ 

ได้แสดงความชื่นชมและทรงเห็นว่า สมควรจัดการบินไปสู่จังหวัดอื่น ๆ อีก เพื่อให้ข้าราชการ พ่อค้า คหบดีตามจังหวัดต่าง ๆ ได้ดูและช่วยอุดหนุนทางด้านการบิน พร้อมได้กล่าวข้อความสำคัญตอนหนึ่งว่า 

กำลังในอากาศเป็นโล่อันแท้จริงอย่างเดียว ที่จะกันมิให้การสงครามมาถึงท่ามกลางประเทศของเราได้ ทั้งยังเป็นประโยชน์ใหญ่ยิ่งในการคมนาคมเวลาปกติ...”

จอมพล สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนารถ กรมหลวงพิศณุโลกประชานารถ เสด็จทิวงคตด้วยพระปับผาสะเป็นพิษ (เป็นโรคปอดบวม) เมื่อวันที่ ๑๓ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๔๖๓ สิริพระชนมายุได้ ๓๗ พรรษา ๓ เดือน ๑๐ วัน

นับว่าพระองค์ทรงวางรากฐานแนวทางเสริมสร้างกำลังทางอากาศของประเทศไทยอย่างจริงจัง จนกระทั่งได้มาเป็นกองทัพอากาศในปัจจุบัน กองทัพอากาศจึงได้เทิดพระเกียรติพระองค์ท่านให้เป็น “พระบิดาแห่งกองทัพอากาศไทย”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

คอลัมน์เรื่องจริงกับ “พญาต่อ” ฮั้วสว.รับรองไปก่อน แล้วค่อยสอย จริงหรือ.!!

คอลัมน์เรื่องจริงกับ “พญาต่อ” ยินดีกับ”สว.”ใหม่ป้ายแดงและขอ แช่งพวกโกงฮั้ว.!!

”เด็จพี่ ดร.พร้อมพงศ์ ” ร่วมกับศูนย์ประสานงานภาคประชาชนแจกข้าวสาร 775 ครัวเรือนเพื่อทำบุญสะเดาะเคราะห์ให้อดีตนายกทักษิณ