คอลัมน์เรื่องจริงกับพญาต่อ!!ผู้กำกับโจ้ เพราะอำนาจเงิน!!
คำแถลงการณ์ของ "ไอ้โจ้"
ลูกน้องมาบอกว่า "จับยาเสพติดมาได้" ส่วนตัวไม่ลงมายุ่ง เพราะคดีนี้เห็นเป็นเคสใหญ่และเมื่อสอบถามแล้วผู้ต้องหาไม่ยอมบอกความจริง
ยอมรับว่าที่ทำไปไม่ถูกต้อง ยืนยันว่าต้องการข้อมูลและทำลายยาเสพติดที่จะทำลายคนนครสวรรค์ “ถุยไอ้สัส” ทำเพื่อคนนครสวรรค์... หรอ?!!.
เห็นคลิปผู้กำกับการตำรวจนครสวรรค์กับลูกน้อง เอาถุงคลุมหัวผู้ต้องหา (รีดข้อมูลหรือรีดไถเงิน) จนขาดใจตายแล้ว!! อยากบอก “พลเอกประยุทธ์ฯ” ว่า...ต้องประกาศ“ปฏิรูปตำรวจ” ชนิด “ล้าง-รื้อ” ทั้งระบบเดี๋ยวนี้.! ต้องรื้อจริงๆ ไม่ใช่พูดแล้ว “ยื้อ” จะเกรงใจใครไม่ได้อีกแล้ว “ตำรวจ” แม้ส่วนใหญ่ในระบบยังดีอยู่ก็ตาม แต่ขอบอกว่า“ตำรวจเลว” ส่วนน้อยนั้น เกรงว่าจะทำให้ประชาชนได้เห็นภาพตำรวจจับผู้ต้องหาคลุมถุงเพื่อรีดข้อมูลจนขาดใจตายคาตานั้นอีก มันจะกระตุ้นให้ประชาชน “เกลียดตำรวจ” และถ้าท่านนายกยื้อ “ปฏิรูปตำรวจ” ประชาชนก็จะมาโทษท่านด้วย.! เพราะว่าทุกวันนี้ภาพตำรวจในสายตาประชาชนก็ไม่ค่อยจะดีอยู่แล้ว.!
เท่าที่ดูหลักฐานมันชัดเจนและผูกมัดตัวบุคคลที่อยู่ในคลิป.! เพื่อแสดงให้เห็นว่า“ตำรวจไม่อุ้มโจร” ต้องเข้าสู่กระบวนการบทลงโทษสูงสุดของกฎหมาย แต่ระบบราชการกลับช่วยให้คนเหล่านี้ลอยนวล “ตำตา-ตำใจ” ประชาชน แต่ด้วยตอนแรกบอกว่า สั่งย้ายเข้ากรุ ต้องตั้งกรรมการสอบก่อน กับประชาชน “ทำไมไม่ตั้งกรรมการสอบก่อนบ้างล่ะ” เห็นเอะอะ “ตั้งข้อหา-ยัดห้องขัง” ก่อน ตะบี้ตะบัน ค่อยสอบสวนทีหลัง หรือเพราะอะไรประชาชนไม่เข้าใจ.!?
ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการทำงานที่ไม่เคารพและปฏิบัติตามกฎหมาย การข่มขู่ทรมานผู้ต้องหาที่ทำเป็นกระบวนการและทำเป็นอาจิณ การแสวงหาผลประโยชน์จากกระบวนการผิดกฎหมายเพื่อช่วยเหลือให้พ้นผิดหรือผ่อนหนักเป็นเบา การส่งส่วยเป็นลำดับชั้น การพิจารณาความดีความชอบและแต่งตั้งเข้าสู่ตำแหน่ง ด้วยหลักเกณฑ์ที่น่าเคลือบแคลงสงสัยและอิทธิพลของระบบอุปถัมภ์ กระบวนการปกป้องสมัครพรรคพวกจนถึงที่สุดถ้าไม่จนแต้มจริงๆ การใช้อำนาจเงินปิดบังความผิดที่ตำรวจเป็นผู้กระทำความวางใจ เกรงใจและให้เครดิตกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม จนกระทั่งละเลยมองไม่เห็นจุดบกพร่องและไม่เปิดโอกาสให้มีการตรวจสอบ การมองว่าผู้กระทำผิด (หรือสงสัยว่ากระทำผิด) หมดสิ้นความเป็นมนุษย์และใครจะทำอะไรกับเขาก็ได้ แถมยังเป็นบ่อเงินบ่อทองให้ตักตวงผลประโยชน์ส่วนตัวได้ด้วย ครั้นตักตวงได้มาแล้วก็นำไปส่งส่วยวิ่งเต้น เรียกว่าครบวงจรซ้ำแล้วซ้ำเล่า ค่านิยมหรือการฝึกสอนการถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่แยกแยะไม่ได้เสียแล้วว่าสิ่งใดควรทำ สิ่งใดไม่ควรทำ ตำรวจบางคนจึงเป็นผู้กระทำความผิดกฎหมายเสียเอง เพราะหวังลาภผลจากการทำความผิดเช่นนั้น หรืออย่างเบาะๆ ก็เรียกค่าคุ้มครองจากผู้กระทำความผิด ลักษณะองค์กรที่เป็นองค์กรปิด ขาดระบบการตรวจสอบที่มีคุณภาพและเพียงพอจากภายนอก.!
คำถามคือ แล้ว “ไอ้โจ้” มันรวยมาจากไหน ร่ำรวยมาได้อย่างไร ทำธุรกิจอะไรมา.!! “ยศตำแหน่งผู้กำกับเงินเดือนแค่ 40,000 กว่า”
นี่เป็นบทเรียนสำคัญที่ "สำนักงานตำรวจแห่งชาติ" ได้รับและควรรีบแก้ไขอย่างเร่งด่วนคือเรื่องว่าด้วย “กฎ-ระเบียบทางราชการ” ที่เป็นอยู่ ไม่ใช่ไม่ดี มันดีอยู่แล้ว การป้องกันการทุจริตแบบ “ครอบจักรวาล” (การปฎิบัติตามขั้นตอน) ทำให้เกิดช่องว่าง บางครั้งมันทำให้ไม่ทันการณ์ จึงเป็นเรื่องต้องคิดจริงทำจริง “ปฏิรูปตำรวจ” ทั้งระบบ จากตัวอย่างคาตาที่เกิดขึ้นในขณะนี้!!
เรื่อง “ไอ้โจ้” คลุมถุงผู้ต้องหา (รีดข้อมูลหรือรีดเงิน) จนตายคาที่ จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ พลเอกประยุทธ์ฯ จงใช้ “วิกฤต” นี้ให้เป็นโอกาส ประกาศเดินหน้าเอาจริง“ปฏิรูปและสังคายนา” ทั้งระบบ รวมถึง “กฎหมาย-กฎระเบียบ” ให้สอดคล้องกับ“สังคม New Normal”นะครับ.!!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น