53 ปี กรมส่งเสริมการเกษตร ก้าวสู่เกษตรวิถีใหม่


ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวหลังการร่วมแสดงความยินดีเนื่องในวันที่ระลึกคล้ายวันสถาปนากรมส่งเสริมการเกษตร ครบรอบ 53 ปี ในวันที่ 21 ตุลาคม 2563 ว่า “สำหรับปี 2564 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีนโยบายด้านการเกษตรและอาหารที่สนับสนุนและมุ่งเป้าให้ประเทศไทยเป็นครัวของโลก เน้นกรอบการทำงานในการขับเคลื่อนร่วมกันหรือที่เรียกว่า “3 S” คือ ความปลอดภัยของอาหาร(Safety) ความมั่นคงของภาคการเกษตรและอาหาร (Security) และความยั่งยืนของภาคการเกษตร (Sustainability)ตลอดจนขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติร่วมกับภาครัฐ ภาคธุรกิจ และภาคประชาสังคม 


นอกจากนี้ ยังได้ส่งเสริมนโยบายตลาดนำการผลิต โดยบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่จะเข้ามาเพิ่มช่องทางในการตลาดให้กับผู้ผลิตสินค้าเกษตร ดังนั้นการขับเคลื่อนงานส่งเสริมการเกษตรจึงเป็นภารกิจสำคัญที่จะต้องช่วยเหลือดูแลเกษตรกรและสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร ควบคู่กับการเพิ่มประสิทธิภาพองค์กรด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลและการปรับวิธีการทำงานสู่ความปกติใหม่ (New Normal) ยึดหลักตลาดนำการผลิต ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม ส่งเสริมการใช้และบริหารจัดการปัจจัยการ ผลิตเพื่อยกระดับการผลิตสินค้าเกษตรให้ได้คุณภาพมาตรฐาน ใช้กลไกและเครือข่ายการทำงานส่งเสริมการเกษตรเชื่อมโยงทุกระดับ สร้างต้นแบบการส่งเสริมการเกษตรเชิงพื้นที่และการถ่ายทอดความรู้ รวมถึงการช่วยเหลือดูแลและให้บริการแก่เกษตรกร สร้างและขยายผลเกษตรกรรุ่นใหม่ให้พร้อมเพื่อพัฒนาสู่การเป็นผู้ประกอบการและขยายความร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆในการพัฒนาการเกษตร”


ด้านนายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า “สำหรับกิจกรรมในนี้ ประกอบด้วยพิธีบวงสรวงองค์ท้าวมหาพรหมและศาลพระภูมิ, พิธีวางพวงมาลาสักการะอนุสาวรีย์ศาสตราจารย์พิเศษทำนอง สิงคาลวณิช การจัดนิทรรศการและมอบรางวัลให้กับบุคคลและหน่วยงานดีเด่น ประจำปี 2563  การปล่อยคาราวานจัดส่งเมล็ดพันธุ์ โครงการตู้เย็นข้างบ้านต้านภัย COVID-19 และการมอบนโยบายแก่ข้าราชการกรมส่งเสริมการเกษตร โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์สำหรับประเด็นหลักในปี 2564 ที่กรมส่งเสริมการเกษตรต้องขับเคลื่อน ได้แก่การสืบสานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นนโยบายสำคัญที่ยึดถือและปฏิบัติ เพื่อที่จะสืบสาน รักษา และต่อยอด ตามที่ได้พระราชทานแนวทาง การดำเนินการเน้นขยายผลและบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยการจัดทำแผนปฎิบัติงานในแต่ละพื้นที่อย่างชัดเจน เพื่อให้เกษตรกรกลุ่มเป้าหมายมีอาชีพที่สอดคล้องกับพื้นที่และมีรายได้ที่มั่นคง การสานต่อภารกิจตลาดนำการผลิตโดยขับเคลื่อนผ่านกลไกการเกษตรแปลงใหญ่ให้ครอบคลุมสินค้าและกลุ่มเกษตรกรที่มีคุณภาพ มีเป้าหมายในการยกระดับและเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม บริหารจัดการปัจจัยการผลิตอย่างสมดุลและยั่งยืนและเพิ่มโอกาสในการแข่งขัน  โดยการส่งเสริมพืชที่มีศักยภาพและเป็นที่ต้องการของตลาด เช่น พืชสมุนไพร, ไม้ดอกไม้ประดับ,ไผ่, หวาย, กาแฟ, พืชเคี้ยวมัน (มะคาเดเมีย,มะม่วงหิมพานต์), แมลงเศรษฐกิจ เป็นต้น 


การปรับระบบการผลิตสินค้าเกษตรตามแผนที่เกษตร Agri – map ในพืชเศรษฐกิจ เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์, มันสำปะหลัง, สัปปะรด, ปาล์มน้ำมัน, มะพร้าว เป็นต้น สนับสนุนให้เกษตรกรใช้พืชพันธุ์ดีและมีแหล่งผลิตพืชพันธุ์ดีในชุมชน รวมทั้งสร้างการยอมรับและความเชื่อมั่นในคุณภาพสินค้าเกษตรจากการส่งเสริมการเกษตร มีระบบการตรวจสอบย้อนกลับ พัฒนาระบบบริหารจัดการสินค้าและการขนส่ง ทั้งตลาดค้าส่ง ธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ และตลาดออนไลน์ รวมถึงส่งเสริมการแปรรูปสินค้า พัฒนาบรรจุภัณฑ์และการสร้างตราสินค้า และส่งเสริมการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงเกษตร เพื่อเพิ่มโอกาสในการจำหน่ายสินค้าเกษตร การยกระดับเกษตรกรให้เป็นผู้ประกอบการเกษตรโดยมุ่งพัฒนาศักยภาพเกษตรกร YoungSmart FarmerSmart Farmer และวิสาหกิจชุมชน ให้ก้าวสู่การเป็นผู้ประกอบการเกษตร รองรับการก้าวสู่เกษตรวิถีใหม่ รวมทั้งสร้างเครือข่ายการทำงานที่เข้มแข็ง ให้เกษตรกรเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้และออกแบบการเรียนรู้ด้วยตนเอง เกิดเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้โดยมุ่งพัฒนาให้เป็น New Startups เปลี่ยนสินค้าเกษตรให้เป็นอาหารหรือผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง รวมถึงยกระดับบทบาทอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน (อกม.) ให้เป็นผู้ช่วยเจ้าหน้าที่ภาครัฐ ช่วยงานงานส่งเสริมการเกษตรในระดับพื้นที่ ทำหน้าที่ประสานงานแจ้งข้อมูลข่าวสาร ถ่ายทอดความรู้และเชื่อมโยงกลไกงานส่งเสริมการเกษตรในพื้นที่ ภายใต้สโลแกน “รวดเร็ว ทั่วถึง แม่นยำ นำความรู้ สู่บริการ ประสานความช่วยเหลือ เพื่อเกษตรกร” การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม มุ่งส่งเสริมการเกษตรบนพื้นฐานของข้อมูลวิชาการ นำองค์ความรู้มาประยุกต์ใช้อย่างเหมาะสม รวมถึงการสร้างเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการกับสถาบันการศึกษา หน่วยงานวิชาการ รวมถึงการนำเทคโนโลยี นวัตกรรมการเกษตร ให้เกิดการขับเคลื่อนในระดับพื้นที่ สร้างการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนงาน รวมถึงมีการจัดทำแผนพัฒนาการเกษตร ให้สอดคล้องกับความต้องการของชุมชนและสถานการณ์ในพื้นที่นั้นๆ และท้ายสุดการขับเคลื่อนการดำเนินการต่างๆ ต้องปรับวิธีการทำงานสู่ new normalพัฒนาองค์กร สู่ระบบราชการ 4.0 ยึดธรรมาภิบาล  มุ่งพัฒนาสู่การเป็นหน่วยงานภาครัฐที่เปิดกว้างและเชื่อมโยงกัน ยึดประชาชนเป็นส่วนกลาง ยกระดับศักยภาพและความสามารถบุคลากรตามแนวทางขับเคลื่อนองค์กรแห่งการเรียนรู้สมัยใหม่ พัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางด้านดิจิทัล สามารถใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูลทะเบียนเกษตรกร ข้อมูลเชิงพื้นที่ พัฒนาฐานข้อมูลภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านเกษตร รวมถึงฐานข้อมูลอื่นๆ พร้อมก้าวสู่การเป็น Digital DOAE  และท้ายสุดการขับเคลื่อนงานส่งเสริมการเกษตร ต้องทำงานคู่กับพี่น้องเกษตรกร ทั้งการให้บริการทางการเกษตรและช่วยเหลือเกษตรกร ในทุกมิติ แม้ว่าความท้าทายนี้จะดูยิ่งใหญ่ ถ้าพวกเราทำงานด้วยความรักความศรัทธา และความสามัคคี อนาคตภาคการเกษตรจะเปลี่ยนแปลง เกษตรวิถีใหม่ จะเกิดขึ้นอยู่ที่พวกเราทุกคน” อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าว

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

คอลัมน์เรื่องจริงกับ “พญาต่อ” ฮั้วสว.รับรองไปก่อน แล้วค่อยสอย จริงหรือ.!!

คอลัมน์เรื่องจริงกับ “พญาต่อ” ยินดีกับ”สว.”ใหม่ป้ายแดงและขอ แช่งพวกโกงฮั้ว.!!

”เด็จพี่ ดร.พร้อมพงศ์ ” ร่วมกับศูนย์ประสานงานภาคประชาชนแจกข้าวสาร 775 ครัวเรือนเพื่อทำบุญสะเดาะเคราะห์ให้อดีตนายกทักษิณ