ตม.แถลงข่าวการจับกุมคนร้ายแก๊งหม่องแอบปลอมเอกสารและอิหร่านอ้างตัวเป็นนายหน้ารับต่อวีซ่าผู้ป่วยต่างชาติ.!


สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองโดย พล.ต.ท.สมพงษ์  ชิงดวง ผบช.สตม.  พร้อมด้วย พล.ต.ต.พรชัย  ขันตี    รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ปิติ นิธินนทเศรษฐ์ ผบก.ตม.1, พ.ต.อ.ภัคพงศ์ สายอุบล รอง ผบก.ตม.1 พ.ต.อ.กีรติศักดิ์ ก้องเกียรติศิริ ผกก.สส.บก.ตม.1 พร้อมชุดสืบสวนฯ ร่วมแถลงข่าวการจับกุมคนร้าย จำนวน 2 คดี ดังนี้




คดีที่ 1)เจ้าพนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง กองกำกับการสืบสวน บก ตม 1 ได้สืบสวนทราบว่ามีกลุ่มบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมาลักลอบทำงานนอกสิทธิ และทำเอกสารราชการปลอมเพื่อใช้ประกอบการขอใบอนุญาตทำงานและขออยู่ต่อในราชอาณาจักร โดยเปิดเป็นร้านขายของชำอยู่ภายในตลาดนัดใกล้สถานทูตเมียนมา เพื่อปกปิดการกระทำความผิด เนื่องด้วยตลาดนัดดังกล่าวตั้งอยู่ใกล้กับสถานทูตเมียนมา จึงทำให้มีบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมามาจับจ่ายใช้สอยของใช้เป็นจำนวนมากจึงไม่เป็นที่สังเกตของบุคคลโดยทั่วไป  ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนฯ ได้สืบสวนทราบว่ากลุ่มคนร้ายได้ตั้งร้านขายของชำอำพรางการกระทำผิดอยู่ในบริเวณตลาดลานทรายพลาซ่า ถ.สาธุประดิษฐ์ แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา กรุงเทพฯ จึงเฝ้าสังเกตพฤติกรรมของคนร้ายทั้งสามโดยได้แฝงตัวเป็นประชาชนเลือกซื้อสินค้าภายในตลาดและสังเกตการณ์ดูพฤติกรรมของคนร้าย   พบเห็นบุคคลต่างด้าวเดินเข้าออกร้านขายของชำดังกล่าวเป็นจำนวนมาก    โดยไม่ได้มาซื้อสินค้าแต่ยื่นซองเอกสารและรับซองเอกสารจากกลุ่มคนร้ายที่ทำทีขายของอยู่ในร้าน  หลังจากที่ได้เฝ้าสังเกตพฤติกรรมของคนร้ายจนมั่นใจแล้วเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนฯ จึงแสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่และขอตรวจสอบร้านขายของชำดังกล่าว พบนายอ่อง สัญชาติเมียนมา และหญิงชาวเมียนมาสองรายในที่เกิดเหตุ  พร้อมกับกล่องบรรจุตราประทับรูปแบบต่างๆ เอกสารราชการ และหนังสือเดินทางเมียนมาอีกเป็นจำนวนมาก เจ้าพนักงานฯจึงได้สอบสวนจนนายอ่อง รับสารภาพว่ารับจ้างเป็นนายหน้าทำใบอนุญาตทำงานและการขออยู่ต่อในราชอาณาจักรแก่แรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมา โดยจะรับหนังสือเดินทางมาและดำเนินการจัดการเอกสารให้ทั้งหมด โดยที่ตนอาศัยอยู่ในประเทศไทยเป็นเวลานานสามารถพูดและอ่านภาษาไทยจึงสามารถติดต่อกับหน่วยงานราชการต่างๆได้  นายอ่องให้การต่อไปว่า เดิมรับจ้างพาแรงงานต่างด้าวไปขอต่อใบอนุญาตทำงานแต่ต่อมามีแรงงานต่างด้าวมาว่าจ้างตนเป็นจำนวนมาก จึงเกิดความโลภ คิดปลอมตราประทับของเจ้าหน้าที่และเอกสารราชการ เพื่อนำไปประกอบการขอใบอนุญาตทำงาน โดยจะเรียกเก็บค่าบริการจากแรงงานต่างด้าวที่มาว่าจ้างซึ่งลักลอบทำงานผิดกฎหมายเป็นเงิน 2,000 - 3,000 บาท ต่อคน ซึ่งเอกสารที่นายอ่องฯ ทำปลอมขึ้นมาประกอบไปด้วย ใบรับคำขอของกรมการจัดหางาน ใบรับรองแพทย์ของโรงพยาบาลรัฐและเอกชน ใบเสร็จรับเงินของโรงพยาบาลรัฐและเอกชน ตราประทับของหน่วยงานราชการและเอกชน และตราประทับของข้าราชการผู้มีอำนาจลงนาม ส่วนรูปแบบตราประทับและเอกสารต่างๆได้ลอกเลียนแบบมาจากต้นฉบับจริง ที่ตนเคยพบเห็นมาจากการรับพาแรงงานต่างด้าวไปทำใบอนุญาตทำงาน โดยตนรับจ้างทำมานานแล้วแต่ได้เปลี่ยนสถานที่และหลบหนีการจับกุมเรื่อยมา โดยจะใช้ที่ชุมชนที่มีแรงงานต่างด้าวอาศัยอยู่จำนวนมาก และจะเปิดร้านขายสินค้าอำพรางการกระทำความผิด เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนฯ จึงรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดเพื่อทำการสืบสวนขยายผล หาเครือข่ายกลุ่มบุคคลต่างด้าวที่กระทำความผิดและมีพฤติการณ์เป็นภัยต่อสังคมเพื่อป้องกันปราบปรามและจับกุมไม่ให้มีการกระทำความผิดอีก และนำตัวกลุ่มคนร้ายสัญชาติเมียนมานำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป



คดีที่ 2)กองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง ๑ (กก.สส.บก.ตม.๑) ได้รับคำสั่งจาก            พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และ พล.ต.ต.ปิติ นิธินนทเศรษฐ์ ผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง ๑ และ พ.ต.อ.ภัคพงศ์ สายอุบล รอง ผบก.ตม.1ให้ทำการสืบสวนกรณีคนต่างด้าวรับเป็นนายหน้าต่อวีซ่าให้แก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ โดย พ.ต.อ.ภัคพงศ์ สายอุบล รอง ผบก.ตม.1 ซึ่งรับผิดชอบงานสืบสวนป้องกันปราบปรามได้ทำการสืบสวนหาข่าวและเเจ้งรับเบาะแสจากสื่อมวลชนและประชาชนในการเเจ้งข่าวอาชญากรรมต่างชาติที่ได้ให้ช่องทางติดต่อไว้ ทาง พ.ต.อ.ภัคพงศ์ จึงได้สั่งการให้ชุดสืบสวนของ กก.สส.บก.ตม.๑ ลงพื้นที่สืบสวนหาข่าวที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งตามเป้าหมายว่าได้มีคนต่างชาติได้เข้ามาติดต่อกับนายแพทย์ที่ประจำอยู่โรงพยาบาล ให้ออกเอกสารใบรับรองแพทย์ให้กับคนต่างชาติที่ต้องการพำนักอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรเป็นระยะยาว   โดยมีการเสนอผลตอบแทนต่าง ๆ ให้กับนายแพทย์ และยังได้รับปากอีกว่าจะส่งผู้ป่วยชาวต่างชาติมาเป็นลูกค้าของโรงพยาบาลอย่างสม่ำเสมอ  ซึ่งนายแพทย์หลายคนได้แจ้งข้อมูลไปยังทางผู้บริหารของโรงพยาบาลทราบว่า คนต่างชาติรายนี้มีพฤติกรรมที่น่าสงสัยและเกรงว่าจะไปหลอกลวงชาวต่างชาติทำให้โรงพยาบาลได้รับความเสียหาย เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงได้ทำการประสานไปยังโรงพยาบาลเอกชนดังกล่าวเพื่อขอข้อมูล และได้ทำการเฝ้าติดตามคนต่างชาติดังกล่าวจนกระทั่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้รับแจ้งจากทางโรงพยาบาล ว่าคนต่างชาติดังกล่าวจะเข้ามาติดต่อกับทางโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงได้เข้าแสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง เพื่อขอตรวจสอบเอกสารการเดินทางซึ่งคนต่างชาติดังกล่าวไม่สามารถนำเอกสารมาแสดงได้ จึงได้นำชื่อและนามสกุล วันเดือนปีเกิดตรวจสอบจากระบบสารสนเทศสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองพบว่าชื่อนาย FIROOZI สัญชาติอีหร่าน อายุ 46 ปี เดินทางเข้ามาเมื่อวันที่ ๒๑ ก.ค.๒๕๕๘ ครบกำหนดอนุญาต ๑๘ ต.ค.๒๕๕๘ ไม่มีการขออยู่ต่อฯ แต่อย่างใด การอนุญาตสิ้นสุดกว่า ๑,๘๐๐ วัน จากนั้นจึงได้นำตัวไปค้นยังที่พักเพื่อค้นหาใบรับรองแพทย์ แต่ไม่พบเอกสารแต่อย่างใด  จากคำให้การนาย FIROOZI อ้างว่าตนเองได้พยายามติดต่อนายแพทย์ในโรงพยาบาลต่าง ๆ  เพื่อขอออกใบรับรองแพทย์ไว้ให้คนต่างชาติที่ต้องการพำนักอยู่ในระยะยาว ซึ่งอยู่ในช่วงโควิดมีคนต่างชาติได้เข้ามาติดต่อให้ตนทำเรื่องขออยู่ต่อในประเทศไทยจำนวนมาก แต่ก็ถูกปฏิเสธจากนายแพทย์และจากโรงพยาบาลหลายแห่ง จนกระทั่งมาถูกเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองทำการจับกุม เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนฯ จึงได้แจ้งข้อหา “เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด ”  และนำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจะได้ทำการสืบสวนขยายผลต่อไป



สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่างๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507  ซ.สวนพลู  แขวงทุ่งมหาเมฆ  เขตสาทร  กรุงเทพมหานคร  10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178  หรือที่ www.immigration.go.th

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

คอลัมน์เรื่องจริงกับ “พญาต่อ” ฮั้วสว.รับรองไปก่อน แล้วค่อยสอย จริงหรือ.!!

คอลัมน์เรื่องจริงกับ “พญาต่อ” ยินดีกับ”สว.”ใหม่ป้ายแดงและขอ แช่งพวกโกงฮั้ว.!!

รองเลขาธิการ กพฐ. ตรวจเยี่ยมศูนย์บริหารความสุขและความปลอดภัย สพม. สุราษฎร์ธานี ชุมพร